เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๑๕ พ.ค. ๒๕๔๗

 

เทศน์เช้า วันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๔๗
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

ณ วัดสันติธรรมาราม ต.คลองตาคต อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

เวลาศรัทธาขึ้นมา เวลาคนใจมันเปิดมันน่าสงสาร แสวงหานะ อยากทำคุณงามความดี พร้อมอยู่ที่จะทำแต่ก็หาที่ไม่ได้ เพราะพระประธานจะมาบ่อยมากเลย คนนู้นก็อยากจะสร้างพระประธาน คนนี้ก็อยากสร้างพระประธาน แต่ครูบาอาจารย์บางองค์ท่านก็รับนะ รับไว้ๆ เพื่อจรรโลงศรัทธาของเขา

แต่ถ้าเป็นกรรมฐานเรา มันต้องคิดถึงพระ ฝ่ายของพระ ฝ่ายของโยม ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา อยู่ด้วยกันแต่อยู่ไม่เหมือนกัน เพราะนักรบกับพลาธิการ ผู้ที่ส่งเสบียงบำรุง ผู้ที่ต้องการบุญกุศลของเขา เขาก็ต้องอยากได้ของเขา พระนักบวชนักรบผู้ที่จะเอาตัวรอดนะ เราเคยอยู่วัดหนึ่งมีพระประธานมาก เวลาจะขัดพระประธานต้องแบ่งกันองค์ละ ๓ องค์เหมาไป พระ ๑ องค์ พระพุทธรูป ๒ องค์หรือ ๓ องค์เหมากันไปนะ เพื่อจะทำความสะอาด สิ่งที่เป็นบุญมันเป็นบุญนะ แต่บุญอย่างหยาบ อย่างกลาง อย่างละเอียด

เวลาเรามีความศรัทธา เมตตาค้ำจุนโลก เรามีความเมตตาเราค้ำจุนโลก นี่ความเมตตานะ แล้วเมตตาของครูบาอาจารย์ล่ะ แล้วความเมตตาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าล่ะ ท่านมีเมตตามากอยากรื้อสัตว์ขนสัตว์นะ เช้าขึ้นมาเล็งญาณเลย เพื่ออะไร? ถ้าสัตว์ตัวไหนมีวาสนาต้องไปเอาตัวนั้นก่อน เพราะอะไร? เพราะเขาอาจจะหมด อย่างเช่นพระองคุลีมาลนี่เกือบไปแล้วนะ ถ้าปล่อยไว้วันนั้นไม่ได้ไปเอาองคุลีมาล พระองคุลีมาลจะไม่ได้เป็นพระอรหันต์หนึ่ง สองจะเป็นมาตุฆาต ฆ่ามารดาแล้วจะเป็นบาปอกุศลมาก เพราะมันปิดกั้นมรรคผลในชาตินั้น จะต้องตกนรกหมกไหม้แน่นอนเลย แต่พระพุทธเจ้าไปเอาอันนั้นก่อน นี่เมตตาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามหาศาลเลย

นี่ก็เหมือนกัน ถ้าใจเราเริ่มต้นมีความศรัทธา มันมีความเชื่อ ก็เริ่มจากเด็กก่อนเป็นเด็กเป็นผู้ใหญ่ เหมือนกับเราเลี้ยงลูกเลย ถ้าเรามีลูกออกมา เราคลอดลูกออกมานี่ เราพยายามเลี้ยงลูกให้เจริญเติบโตขึ้นมา หนึ่ง ให้ร่างกายแข็งแรงก่อน แล้วตอนเด็กเรายังไม่รู้ว่าจะปกติหรือไม่ปกติ พอโตขึ้นมาแล้วถึงจะเป็นปกติทั้งหมด นี่เริ่มรับรู้ต่างๆ ทั้งหมด นี่เริ่มโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาแล้วก็ต้องให้อยู่ในโลกได้ ถ้าประสบความสำเร็จทางโลกพ่อแม่ยิ่งพอใจใหญ่เลย

เหมือนกับสังคมเลย สังคมก็เป็นแบบนั้น ถ้าสังคมทั้งหมดมีความสุขมาก สังคมนั้นมีเจริญรุ่งเรืองมาก สังคมนั้นจะมีความเมตตามาก สังคมนั้นจะมีความสุขสบาย ถ้าสังคมไหนเป็นเด็กๆ สังคมนั้นมีการเอารัดเอาเปรียบกันสังคมนั้นสังคมรวมแล้วมันก็เหมือนเรา

นี่ก็เหมือนกัน ภิกษุ ภิกษุณี นักรบ ถ้าเป็นพระเวลาอยู่กับครูบาอาจารย์นะ ฉันแล้วให้เข้าที่ภาวนา ให้เข้าไปเลย ถ้าต้องการเวลาของเรามากเข้าที่ภาวนา แล้วเรื่องในวัดในวานั้นท่านรับผิดชอบทั้งหมดเลย รับผิดชอบเพื่ออะไร? เหมือนหัวรถจักรนะ สิ่งใดจะเกิดขึ้นมานี่หัวรถจักรต้องรับผิดชอบก่อน สิ่งที่รับผิดชอบไง จากใจดวงหนึ่ง ใจดวงนั้นพ้นจากกิเลสแล้วเข้าใจตามความกิเลสนั้น มันจะเป็นประโยชน์ไปหมดนะ แต่ถ้าไม่พ้นจากความกิเลส นี่พระต้องมีความเมตตา พระต้องมีความรับสิ่งของของเขา พระต้อง... อย่างนั้นถ้าเกิดเขาถวายสิ่งที่เป็นอาบัติล่ะ สิ่งที่เป็นอาบัตินะ อย่างเช่นสุราเมรัย เขาถวายของเขาก็มีนะ

ในสมัยพุทธกาลมีพระองค์หนึ่งมีฤทธิ์มาก พญานาคเข้าไปในหมู่บ้านนั้น ไปทำลายไปทำให้ความกลัวนั้นจนชาวบ้านนั้นมีความทุกข์มาก แล้วพระองค์หนึ่งมีความสามารถไปปราบพญานาคนั้นได้ จนชาวบ้านเขาคิดว่าจะเอาอะไรถวายพระองค์นั้นได้ สิ่งที่ว่ามีคุณประโยชน์มากต้องเอาเหล้านะ เอาสุราอย่างดีที่สุดใสที่สุดเหมือนตาตั๊กแตนนะไปถวายท่าน ท่านฉันนะ ท่านมีฤทธิ์นะ แล้วท่านก็ฉันเหล้านั้นจนท่านเมาสุรานอนอยู่กลางถนน จากที่มีฤทธิ์มีเดชปราบพญานาคก็ได้ แต่เวลากินเหล้าเมาสุรา เห็นไหม

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถึงบัญญัติไว้ ภิกษุดื่มสุรานี่เป็นอาบัติปาจิตตีย์ ในศีล ๕ ก็มี แต่เวลาที่ว่าในสังคมสมัยพุทธกาลนะ มันมีความที่ชาวบ้านเขาไม่รู้ก็มี เขาถวายสุราให้กับพระนะ เพราะว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุดของเขา เขาว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุดของเขา แต่เวลาพระฉันเข้าไปแล้วเมาสุราจนนอนอยู่กลางถนนทั้งๆ ที่มีฤทธิ์มีเดช มีฤทธิ์มีเดชมันเรื่องของใจ แต่เวลาดื่มสุราเข้าไปนี่มันเป็นส่วนหนึ่งของโลกเขา

เวลาเราประพฤติปฏิบัติกัน นักรบ สิ่งที่มาปฏิเสธเขา ปฏิเสธเขาเพื่อให้สังคมเพื่อให้พระในวัดนั้นมีเวล่ำเวลาในการประพฤติปฏิบัติ ข้อวัตรปฏิบัติ เวลากวาดลานเจดีย์ นี่กิจของสงฆ์ ๑๐ อย่างเราต้องทำของเราๆ แต่สิ่งที่เพิ่มเป็นภาระขึ้นมานี่ หัวหน้าต้องฉลาด หัวหน้าต้องปฏิเสธสิ่งนั้น สิ่งนั้นเป็นบุญของเขาก็เป็นบุญของเขา ถ้าเขาไปทำที่อื่นมันก็เป็นบุญของเขาได้ แต่ถ้าเขาศรัทธาสิ่งนั้นแล้วเขามาทำกับเรา แล้วมันเป็นภาระไปหมดเลย สิ่งที่เป็นภาระ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ความเป็นอยู่ไม่เหมือนกัน ความเป็นอยู่อุบาสก อุบาสิกา เห็นไหม

ในสมัยพุทธกาลกษัตริย์นี้มีความศรัทธามาก แต่เวลาไปหาครูบาอาจารย์ไปหา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นผู้ที่ไม่มีเวลา เป็นผู้ที่บริหารงานมาก เป็นผู้ที่ทำงานมากนี่หลงลืมมาก ให้องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าคอยชี้แนะคอยบอก เป็นผู้ที่ไม่มีเวล่ำเวลา แต่พระเรานี่ต้องมีเวล่ำเวลา พระเป็นผู้ปฏิบัติอย่างนั้น ถึงสิ่งนี้เป็นสิ่งที่หยาบๆ เราต้องปฏิเสธได้

แต่ปฏิเสธนี่มันเป็นการทำลายน้ำใจของเขา มันก็เป็นการว่าให้เขาให้ได้พัฒนาใจของเขา ใจของเขาจะพัฒนาขึ้นมาได้นะ เวลาร่างกายเราสกปรก เวลาเราอาบน้ำชำระสิ่งสกปรกของร่างกาย แต่เวลาใจนี่ใจมันติดสิ่งต่างๆ มันเป็นความสกปรกโสมมของมัน แต่ทำไมเราไม่เห็นความสกปรกของมันล่ะ ทำไมเวลาเราโลภ เราโกรธ เราหลง ทำไมเรานอนจมกับมันได้ล่ะ เรานอนจมกับความคิดของเรา ความสกปรกของจิตใจ ความสกปรกของกิเลสเรามองไม่เห็น สิ่งที่ปฏิเสธของเขาไปก็ว่าเป็นกิเลสๆ

แล้วสัมมาทิฏฐิความถูกต้อง ทิฏฐิความถูกต้อง ทิฏฐิที่จะแบกหมู่คณะไป ทิฏฐิที่จะเอาความฉลาดสังคมสอนโลก ทิฏฐิที่ความถูกต้องเราก็จะยืนไว้ ถ้าสิ่งที่ว่าสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ว่าบาดหมางใจของเขา ก็ให้บาดหมางใจของเขาไปก่อน แต่ถ้าพอเขาไปรู้สิ่งนั้นนะพอใจเขาเข้าใจสิ่งนั้นนะ เขาจะเคารพรักมาก ว่าสิ่งนี้มันเป็นประโยชน์กับเขา สิ่งนี่ ทาน ศีล แล้วภาวนา เราจะทำบุญกุศลขนาดไหนถึงที่สุดแล้วเราก็ต้องมาภาวนาของเรา ถ้าเราสิ่งที่ภาวนาของเรา

ถ้าเราภาวนาของเรา เราศรัทธาความนี้ เรามีความเชื่ออย่างนี้ ใจเราจะเปิดมาก ใจเราพัฒนาขึ้นมามาก วุฒิสภาวะของใจมันจะเป็นสภาวะแบบนั้น ทานก็ทานไป ถึงเวลาทำบุญทำทานเราก็ทำของเราไป สิ่งนี้ทำขึ้นมา เพื่อสามเส้า ศีล สมาธิ ปัญญา ทาน ศีล ภาวนา มันจะตั้งจิตดวงนี้ให้มั่นคงได้ ถ้าเราเอาสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เราพยายามเกาะสิ่งใดสิ่งหนึ่ง แต่เวลาผู้ที่ประพฤติปฏิบัติ พระเราจะเอาอะไรไปทานล่ะ ให้ธรรมเป็นทาน ความเป็นอยู่ของเรานี่ เป็นคติเป็นตัวอย่างกับเขา เราเป็นอยู่ของเราได้ อยู่ของเราขึ้นมานี่ มันอยู่ในศีลในธรรมนี่ เขาจะเคารพรักมากนะ

การสอนโดยไม่สอน การสอนด้วยความเป็นอยู่ของเรา เราเป็นอยู่ของเรา เราอยู่ในศีลของเราในธรรมของเรา นี่เราสอนเขาด้วยตัวอย่างด้วยการประพฤติปฏิบัติให้เขาเห็นอยู่แล้ว ทำไมเราต้องทำสภาวะอย่างนั้นอีกล่ะ แต่ถ้าเป็นครูบาอาจารย์มีจริตนิสัยสภาวะแบบนั้นก็เป็นผู้ชี้สังคมได้

อย่างหลวงตา เห็นไหม เป็นผู้ชี้นำสังคม สิ่งที่ชี้นำสังคมนั่นนะเป็นความถูกต้องเข้ามา มันละเอียดอ่อนเข้ามานะ นี่บอกว่าสิ่งที่เป็นประโยชน์เขาว่าเป็นเรื่องของโลก โลกมันจะเข้าไปกลืนธรรม สิ่งที่เป็นบริหารการจัดการเป็นเรื่องของโลกทั้งหมด แต่เมตตาธรรมอยู่ไหนล่ะ ถ้าเมตตาธรรมนะ เราเป็นการให้ สิ่งที่ให้ๆ ด้วยความไม่...ปฏิคาหก ไม่ติดสิ่งนั้น ให้สภาวะสิ่งนั้นไป เขาได้รับสิ่งนั้น เขาต้องระลึกรู้ของเขาสิ่งนั้นสิ่งนั้นจะเป็นบุญกุศลของเขา

ในศาสนาพุทธคือให้เรื่องของทาน ทาน ศีล ภาวนา ถ้าทานไปบารมีมันจะเกิดขึ้นมา ทานทุกสิ่งทุกอย่างออกไป แต่ทานความโกรธ ความโลภ ความหลง เราทานของเราไม่ได้ เวลาเราทำทานขึ้นมาเราก็ติดของเรา เราอยากได้ของเราประโยชน์ของเราขึ้นมา นี่กิเลสอย่างละเอียด สิ่งที่เป็นกิเลสอย่างละเอียดมันก็เกาะไปๆ แต่เวลาประพฤติปฏิบัติข้ามพ้นดีและชั่ว เราต้องการหาแก้วแหวนเงินทองของเรา แล้วเราก็จะเกาะเกี่ยวเป็นของเราตลอดไปได้ไหม

แต่บุญกุศลเป็นของเราตลอดไป บุญกุศลเกิดกับใจตลอดไป ใจนี้เกาะเกี่ยวบุญกุศลอันนี้ตลอดไป แม้แต่การเกิดบุญกุศลพาเกิด เรามีลูกของเราเหมือนกัน บางจังหวะโอกาสคนเรามีลุ่มๆ ดอนๆ เหมือนกัน ถ้าลูกคนไหนมาเกิดในขณะที่ว่าฐานะของเราดีนะ ลูกเกิดขึ้นมามันจะมีความสะดวกสบายของมันมาก แต่ถ้าลูกเกิดขึ้นมาในจังหวะนั้น ในจังหวะที่เราขัดสนขึ้นมานี่ ลูกของเราเหมือนกัน แต่การเกิดเหมือนกัน เกิดพ่อแม่เดียวกัน นี่บุญกุศลพาเกิด ถ้าบุญพาเกิดจะประสบความสำเร็จจะเกิดความสุขความสบายไปตลอด สุขนะ มีความสุขตลอดไป

ดูสิสมัยพุทธกาล ที่เขาสร้างบุญกุศลมา เด็กเล่นกันนะ เล่นกีฬากันแล้วต้องมีแพ้ต้องปรับรางวัลกัน แล้วเล่นเสียจนหมดเลย เล่นเสียจะหมดนะ พ่อแม่เดี๋ยวก็ให้คนใช้ไปขอขนมไปเพื่อไปเสียให้เขา จนหมดนะ หมดแล้วไม่มี ไม่มีก็เอาขนมที่ไม่มี แม่บอกว่าลูกเราไม่เข้าใจเรื่องสิ่งนี้เลย บอกว่าคำว่าไม่มีก็ไม่รู้จัก ขนมไม่มี ก็เลยเอาจานเปล่าๆ แล้วเอาฝาชีครอบไป อยากจะสอนลูกว่าเปิดมาแล้วขนมไม่มีมันคือความไม่มีไง จะสอนลูกว่าคำไม่มี แต่เขาสร้างบุญกุศลมากนะ เวลาเปิดขึ้นมา ขนมไม่มีมันหอมมาก ขนมไม่มีกินแล้วมันอร่อยมาก จนพ่อแม่ก็แปลกใจว่าลูกเรานี่สร้างบุญมาขนาดนี้เหรอ เอาจานเปล่าๆ เอาฝาชีครอบไปว่าขนมไม่มีคืออะไร เปิดมาเป็นอาหารทิพย์หมดเลย เพราะเทวดาเสกสิ่งนั้นขึ้นมา เพราะเขาสร้างสมบุญกุศลขึ้นมา

นี่บุญกุศลสภาวะสิ่งนี้ แต่สิ่งนี้มันก็ติดไป เราต้องข้ามพ้นดีและชั่ว ดีและชั่วคือความฝังใจของเรา สิ่งที่ฝังใจของเรา เห็นไหม ถึงว่าไม่ติด ความเป็นหยาบก็เป็นเรื่องของหยาบๆ ก่อน ถ้าเรามีความศรัทธานะ ดูสิถ้าเราคิดทางวิทยาศาสตร์ พระนี้เอาเปรียบสังคม พระไม่ทำการทำงาน พระเอาเปรียบสังคมอยู่อาศัยด้วยความสุขสบาย แต่เขาไม่เข้าใจเรื่องภาคปฏิบัตินะ พระเราถ้าเอาเปรียบสังคมอยู่ด้วยความสุขสบายนี่ ความสุขสบายแล้วกิเลสมันสุขสบายไหม? คนเรานะถ้าตกทุกข์ได้ยากเวลาหิวนี่เราต้องการอาหารอย่างเดียว แต่ถ้าเรากินอิ่มหนำสำราญ มันต้องการตลอดไป ตัณหามันล้นฝั่งตลอดไปนะ ถ้าตัณหามันล้นฝั่งตลอดไปจะมีความสุขสบายมาจากไหน

แต่ว่าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าวางภิกษุภิกษุณีไว้ก็เพื่อนี่ไง นักรบไง ถ้าเราไปทำสิ่งต่างๆ ทางมันจะแคบขึ้นมาๆ เพราะอะไร? เพราะถ้าเรามีการทำมาหากิน เรามีทำสิ่งต่างๆ มันต้องมีการเบียดเบียน มันผิดศีล มันเป็นไปไม่ได้หรอก สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ เรื่องที่สิ่งที่เป็นไปไม่ได้มันจะเป็นไปไม่ได้ สิ่งที่เป็นไปได้แต่โลกมองเห็นว่าสิ่งนี้เป็นการเอาเปรียบกัน เอาเปรียบว่าเขาเอาเปรียบ เอาเปรียบสังคม

แต่ผู้ที่ประพฤติปฏิบัติพยายามมักน้อยสันโดษ ครูบาอาจารย์เข้าป่าเข้าเขา แสวงหาสิ่งนั้นก็แสวงหาได้ ถ้าอยู่ในบ้านในเมืองสิ่งที่ว่าเป็นประโยชน์ ปัจจัย ๔ มหาศาลเลย แต่มันกดถ่วงใจ เวลาประพฤติปฏิบัตินั่งก็นั่งหลับนะ เวลาอดนอนผ่อนอาหารทุกคนมันเป็นไปไม่ได้ๆ แต่เวลาคนที่จะประพฤติปฏิบัติจะเห็นคุณค่าของตรงนี้มาก เวลานิวรณธรรมมันเกิดขึ้น เวลานั่งมันตกภวังค์ เวลานั่งหลับนี่ มันเป็นความทุกข์มาก สิ่งที่ว่าเราก็รู้อยู่การประพฤติปฏิบัติเพื่อจะให้ถึงธรรม

แต่การประพฤติปฏิบัติแล้วมันไม่ได้ธรรมล่ะ มันไม่เข้ามีความสงบเพราะอะไรล่ะ เพราะสิ่งนี้มันกดถ่วงใจ แต่ถ้าเราเริ่มควบคุมสิ่งนี้ขึ้นมา เราเริ่มอดอาหารขึ้นมา แต่หัวใจมันเบิกบาน หัวใจมีความสุขมาก นี่เราทำสิ่งหนึ่ง แต่จะได้ประโยชน์อีกสิ่งหนึ่ง แต่เราคิดว่าเราอดอาหารเป็นการอดอาหารคิดเฉพาะปัจจุบัน ไม่คิดถึงส่วนขยายออกไปข้างหน้า ถ้าเราอดอาหารของเราขึ้นมา ความประพฤติปฏิบัติเราจะสะดวกขึ้นมา แล้วมันจะไปเอาเปรียบสังคมตรงไหนล่ะ สิ่งที่ได้มาเป็นปัจจัย ๔

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทานมหาศาลเลย ให้ประโยชน์กับโลกเขา โลกเขาจะเป็นประโยชน์ขนาดไหน เทวดา อินทร์ พรหม ยังต้องมาฟังเทศน์นะ สิ่งที่ว่าฟังเทศน์ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะอะไร? เพราะเขาไม่รู้เรื่องอริยสัจ เขาไม่รู้เรื่องของทุกข์ เขาว่ามีความสุขๆ สุขมากในเทวดา ในอินทร์ ในพรหม แต่มันก็มีทุกข์อันละเอียด ทุกข์อันละเอียดเวลาเศร้าหมองเวลามันจะตาย เพราะอะไร? เพราะมันไม่ได้สิ่งใดสมใจอยากไปทุกอย่างหรอก ตัณหาความทะยานอยากนี่ล้นฝั่งมาก แล้วสิ่งนี้มันจะสนองใจ มันเป็นไปไม่ได้

ถ้ามันเป็นไปไม่ได้เราต้องจำกัดมัน จำกัดมันด้วยศีล จำกัดมันด้วยการทำสมาธิด้วยจิตสงบขึ้นมา แล้วพอมีปัญญาขึ้นมาใคร่ครวญสิ่งนี้ชำระสิ่งนี้ นี่เทวดา อินทร์ พรหม ไม่รู้สิ่งนี้ ในวัฏจักรไม่รู้สิ่งนี้ แต่มนุษย์รู้ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ารู้ ครูบาอาจารย์เรารู้ เทวดาถึงมาฟังธรรมอันนี้ ถ้ามาฟังธรรมอันนี้เราบอกมันเป็นไปได้อย่างไร เทวดามีได้อย่างไร? ฟังธรรมได้อย่างไร? มันถึงเป็นเรื่องความมหัศจรรย์ เราต้องการอยากเห็นเทวดา แต่เทวดา อินทร์ พรหม ก็อยากมาฟังธรรมจากครูบาอาจารย์ของเรา การประพฤติปฏิบัติเกิดมาจากตรงนี้ เวลาใจมันประเสริฐๆ ตรงนี้ เพราะเราก็มีใจ เทวดาก็มีใจเหมือนกัน แต่เขาไม่มีร่างกายเหมือนเรา ของเขาเป็นทิพย์ แต่เรามีร่างกาย ร่างกายนี้มันมีการแสดงออกเรื่องความทุกข์ความสุขตลอดไป นี่เวลามันร้อน เราต้องการความเย็น เวลามันหนาว เราต้องการความอบอุ่น นี่ร่างกายมีสภาวะแบบนั้น แล้วมันขาดแคลน เวลาคนทุกข์คนยากมันจะขาด แต่คนที่ร่ำรวยก็บุญกุศลของเขา นี่สิ่งนี้มันเป็นอำนาจวาสนาบารมี มันไม่ใช่ตัวใจ

ตัวใจคือตัวกำจัดกิเลสอย่างเดียว ถ้ากำจัดกิเลสอย่างเดียวเข้ามานี่จะมีความสุขมาก ถ้ากิเลสขาดออกไปจากใจนะ ชีวิตนี้เป็นมายาทั้งหมด สิ่งที่เหลือนี้คือสมมุติทั้งหมด ใจนี้วิมุตติพ้นออกไปจากใจแล้วมีความสุขทั้งหมด แล้วสิ่งนี้อยู่กันไปขับเคลื่อนกันไป แต่สิ่งนี้เป็นมายา แต่ทุกคนมันติดมายาสิ โลกทั้งโลกต้องการสิ่งนี้ โลกทั้งโลกต้องการความเจริญรุ่งเรืองของโลก แต่เขาก็ต้องตายไป

คนเราจะกินน้ำจากภาชนะทองคำหรือกะลาก็แล้วแต่ ต้องตายไปเหมือนกัน ภาชนะจะดีขนาดไหน ความเป็นอยู่จะดีขนาดไหน ความเป็นอยู่จะเลวขนาดไหน เขาก็มีสุขมีทุกข์เหมือนกัน เขาก็มีกิเลสในหัวใจเหมือนกัน เห็นไหม เมตตาธรรมค้ำจุนโลก ค้ำจุนอย่างนี้ไง คนทุกข์มันก็ทุกข์เพราะว่ามันสร้างสมมาอย่างนี้ มันไปเกิดครั้งต่อไปมันอาจจะสุขกว่าเราก็ได้ สิ่งนี้มันเวียนตายเวียนเกิดตลอดเวลา

นี่วัฏวนอนิจจังตลอดไป ถึงว่าสิ่งที่เป็นมายา เราติดในมายากันทำไม ทำไมเราไม่มีสติ ไม่มีความรู้สึก ทำไมเราไม่สอนตัวเอง ทำไมเราไม่เตือนตัวเอง ทำไมเราไม่หาทางออก ถ้าหาทางออกการประพฤติปฏิบัติสำคัญที่สุด นี่ถึงว่าพระเอาเปรียบสังคมๆ ไปที่ไหน พระเจ้าพิมพิสารบอกเจ้าชายสิทธัตถะ เวลาประพฤติปฏิบัติธรรมได้แล้วขอให้กลับมาสอนด้วย องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมขึ้นมานี่กลับไปสอนพระเจ้าพิมพิสารจนเป็นพระโสดาบัน นี่เอาเปรียบสังคมโลกหรือ เอาความเป็นธรรม เอาความสุขในหัวใจอันประเสริฐ เอาความสุขความจริงนั้นมาเจือจานโลกต่างหาก

ถ้าโลกได้รับสิ่งนี้เข้าไปเจือจาน สังคมนั้นจะพัฒนาขึ้นมาจากเด็กเป็นผู้ใหญ่ จนสังคมนั้นมีวุฒิภาวะมาก สังคมนี้โลกนี้เป็นอนิจจัง สรรพสิ่งนี้เป็นอนิจจัง แล้วเราเกิดในปัจจุบันนี้สังคมตอนนี้เจริญมาก เจริญในศาสนาพุทธ แล้วถ้าสังคมไม่มีศาสนาพุทธ ดูศาสนาอื่นเขาทำลายกันสิ เขาทำลายกัน เขาทำลายเขาทำลายมาก ถึงว่าสิ่งนี้ประเสริฐประเสริฐขึ้นมา แต่เราอย่านอนใจ

เราต้องเมตตาตัวเราเอง ถ้าเราเมตตาโลก โลกเป็นส่วนหนึ่ง แต่ถ้าเราเมตตาตัวเองเราจะพยายามออกจากโลก พยายามออกจากมายา พยายามทำใจนี้ให้พ้นจากกิเลสได้ มันจะเป็นสมบัติของใจดวงนั้น เอวัง